Intuition Widsom [ปัญญาญาณ]

ความคิดเห็น

  1. If you don't connect properly, it could be a dead idea.
    (เชื่อมต่อผิด คิดจนตัวตาย)

    ผลจากการทดลองในหนูและลิง พบว่าเมื่อหนูหรือลิงตัวแรกทำในสิ่งที่ยากและใช้เวลานานได้ หนูหรือลิงตัวอื่นๆจะทำสิ่งนั้นได้ง่ายและเร็วขึ้น พวกมันไม่ได้ใช้ภาษาในการถ่ายทอดสิ่งที่รู้

    เช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคแรกที่มีคอมพิวเตอร์ คนรุ่นก่อนกว่าจะใช้เป็นนั้นยากและใช้เวลามาก แต่คนรุ่นหลังจะใช้ได้ง่ายและเร็วขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันเด็กๆสามารถใช้โทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องสอน

    หนูหรือลิงที่เกิดก่อนกลับไม่สามารถทำสิ่งที่ยากได้เร็วอย่างหนูหรือลิงรุ่นหลังจากการทดสอบ ซึ่งไม่ต่างกับมนุษย์รุ่นก่อนจะมีคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมดที่ไม่ได้รับอานิสงส์ร่วม แสดงให้เห็นว่า

    มนุษย์และสัตว์แต่ละสปีชี่มีเครือข่ายที่เชื่อมต่อกัน โดยไม่อาศัยภาษาเป็นสื่อถ่ายทอดสิ่งที่รู้ จิตใต้สำนึกและจิตเหนือสำนึกของเราต่างสื่อสารถึงกันได้ ในขณะที่ปรีชาญาณทำงานได้เฉพาะเวลาที่เรามีจิตสำนึกเท่านั้น

    เมื่อเราอยู่ในโหมดความคิดหรือติดอยู่กับความเชื่อในกาลามสูตรข้อใด เราจึงไม่อาจเรียนรู้ด้วยสัญชาตญาณหรือปัญญาญาณ พระพุทธเจ้าสอนสติปัฏฐานเป็นอุบาย เพื่อให้พ้นจากโหมดความคิดที่มนุษย์เคยชิน

    การเชื่อมต่อกับใครจึงมีผลกับชีวิต การฟังธรรมะอันเป็นสัจธรรมปฏิรูปจากใครก็ตามด้วยปรีชาญาณ ไม่ได้ connect กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยปัญญาญาณ จึงเป็นความพลาดผิด

    การตรวจสอบ connection ของตนเองเป็นเรื่องแรกที่สำคัญ ขยายความด้วยมงคลชีวิต 38 ประการ การใช้อินเตอร์เน็ตกลับกลายเป็นผลร้ายมากว่าผลดี ก็เพราะเราใช้ปรีชาญาณเชื่อมต่อกับคนที่มีมิจฉาทิฏฐิ

    ฟังคนที่ไม่ควรฟัง เชื่อคนที่ไม่ควรเชื่อ เคารพคนที่ไม่ควรเคารพ เสพสิ่งไม่ควรเสพ รู้สิ่งที่ไม่ควรรู้ จึงถูกโมหะครอบงำ จึงหลงผิดว่าตรรกะที่ใช้คือปัญญา จึงหลงตนว่ามีปัญญาจากความรู้คนอื่น

    คำสอนของพระพุทธเจ้าพ้นจากนิยามของศาสนา มีคุณค่าต่อมนุษยชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและต่อไปยังอนาคต

    By 2 n T ai

    Connecting to Dhamma

    สื่อธรรมะออนไลน์
    https://dhamma.com
    https://fb.com/dhammateachings
    https://instagram.com/dhammadotcom
    http://line.me/ti/p/~@dhammadotcom

    ตอบลบ
  2. ในละครไทยและเทศที่ตัวร้ายทั้งหญิงและชาย ได้กระทำต่อพระเอกนางเอกอย่างแสนสาหัส ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงตอนจบที่ต้องรับผลกรรมจากความพ่ายแพ้ แต่พระเอกหรือนางเอกกลับให้อภัยแบบง่ายๆ แม้ว่าที่ผ่านมาจะฆ่าคนไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คน รวมทั้งเหตุการณ์ที่พระเอกนางเอกทนทรมานเกือบตายมาแล้วด้วย ซึ่งเหมารวมว่าเป็นละครน้ำเน่า เอาใจตลาด เข้าถึงมหาชน

    หรือจะยกตัวอย่างพระเวชสันดรที่ยกลูกของตัวเองให้กับชูชกจนเห็นลูกถูกเฆี่ยนตีก็ยังทนดูอยู่ได้ เรื่องราวอะไรในทำนองนี้ นักแสดงย่อมเล่นไปตามบทบาทไม่สามารถขอเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปอย่างอื่น คนดูก็ดูไปด้วยความคิดว่าถ้าเป็นฉันๆจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ นักวิจารณ์ก็ติชมด้วยหลักการบ้าง ด้วยหลักกูบ้างว่าตรงไหนเป็นศิลปะ ตรงไหนไม่เป็นศิลปะ บางคนจะชอบความสมจริง บางคนจะชอบความเหนือจริง บางคนเอาสาระ บางคนไม่เอาสาระ แล้วก็สรุปกันว่าไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด

    คนตะวันตกส่วนมากมักจะกลัวตายสุดชีวิต กลัวจุดจบที่ไม่ใช่แค่ความตาย ต่างกับคนตะวันออกที่ดีกรีแห่งความกลัวนั้นลดลงได้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย จนที่สุดแล้วบางคนยอมเสียสละตนเองได้ ไม่ว่าจะอนาคตที่ดีหรือชีวิตของตนเอง วรรณกรรมของแต่ละชาติจึงไม่อาจตัดสินได้ว่ามันสมจริงหรือไม่สมจริงอย่างไร เพราะตัวละครที่ผู้แต่งสร้างขึ้นมาย่อมมีเป้าหมายในการถ่ายทอดความคิดของผู้ประพันธ์

    ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ จะได้รับรางวัลอะไรรึเปล่า ก็มิได้การันตีว่ามันคืองาน Art งานที่มี Intuition เพราะทั้งผู้เสพและผู้สร้าง ทั้งปุถุชนและปัญญาชน ต่างล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ในโลกความคิดตลอดเวลา ในขณะที่สิ่งที่เป็น Art และ Intuition มันอยู่พ้นจากการคิดตีความด้วยสามัญสำนึกอันผ่านภาษา แต่ Art และ Intuition ไม่อาจอธิบายให้ใครเข้าใจได้ด้วยเหตุผลที่เป็นตรรกะ ขอย้ำว่ากำลังพูดถึงเรื่องศิลปะอันไม่ใช่เรื่องธรรมะ ที่ต้องมีจิตใจเป็นพระอริยะบุคคลแล้วจึงจะเข้าถึงได้

    การยกโทษให้อภัยคนชั่ว การเสียสละอะไรเกินมนุษย์ การพลีชีพเพื่อผู้อื่น คนที่ชีวิตไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หรือเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วจนไม่กลัวความตาย คนทั่วไปไม่อาจเข้าถึงได้เพราะเข้าใจผิดว่า Art และ Intuition มันรู้ด้วยจิตสำนึกที่ผ่านการศึกษาและเสพงานดีๆจนมีรสนิยม แล้วเหยียดคนที่ไม่ได้ศึกษาไม่เคยเสพงานศิลป์ ไม่รู้จักความหยาบความละเอียดที่มีความละเมียดละไมต่างกัน

    นี่คือความหลงผิดของชนชั้นปราชญ์ เพราะยิ่งมีความรู้ ยิ่งมีรสนิยมสูงส่ง ย่อมถูกลวงด้วยความคิด ลวงด้วยความปราณีตของมายา เพราะ Art และ Intuition นั้นรู้ด้วยใจล้วนๆไม่เกี่ยวกับสมอง การรู้ด้วยใจมิใช่ใจของผู้หลุดพ้นอย่างพระอรหันต์ แต่เป็นใจของปุถุชนที่ยังมีกิเลสตัณหา เป็นการรู้ที่ไม่ได้ตีค่า ไม่ประเมินราคาต่อสิ่งที่รู้ ความดื่มด่ำจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่เสพนั้นมันละเอียดหรือหยาบเลยสักนิด

    มันพ้นจากประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตและพ้นจากความคิดที่จะใช้มันเป็นคติสอนใจ การเข้าถึงจึงเป็นการเมามายที่เกิดจากการเสพสิ่งอันทำให้หลงลืมตัวตน จมดิ่งไปกับผลงานนั้นๆตามแต่ประเภท ตามแต่ชนิด(เหมือนยาเสพติด) ศิลปะจึงเป็นคนละเรื่องกับการเจริญสติภาวนา เพราะว่า Art และ Intuition ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ด้วยบริบทของตน ไม่ว่าจะรวยหรือจน จะมีความรู้หรือไม่มีความรู้ จะเป็นผู้เสพหรือผู้สร้าง ต่างมีจิตมีวิญญาณเท่าเทียมกับมนุษย์ทุกคนบนโลก

    By เสพศิลป์ สุขธรรม

    ตอบลบ
  3. ผลงานอันมาจาก Art และ Intuition เริ่มต้นที่ความสุขภายในจากประสบการณ์เฉพาะในอดีต ทำให้จิตใจสงบครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งวันหนึ่งบางสิ่งได้ปรากฏขึ้น มันเป็นของใหม่ที่ไม่ใช่สิ่งเดิมๆ นำไปสู่ความดื่มด่ำอันสะอาดพ้นจากกรอบความคิด ตระหนักรู้ถึงความเป็นศิลปินด้วยตนเองฉับพลัน มันทำให้การสร้างงานไหลรื่นอย่างไม่เคยมาก่อน แต่มันก็เสื่อมลงตามกาลเวลา

    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้สร้างและผู้เสพงานศิลป์นั้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วมันคือวิปัสสนูปกิเลส 10 อย่าง ที่เกิดได้กับทุกคนไม่จำกัดจำนวนครั้งและมากกว่า 1 อย่าง แม้ไม่ได้ฝึกกรรมฐานใดๆ ซึ่งบางคนบรรลุถึงเจโตวิมุตติก็มี ผลงาน Art และ Intuition จึงอยู่เหนือความคิดและทฤษฎีของศิลปะที่อยู่ในตำรา มันบอกสอนกันไม่ได้ บังคับให้เกิดเองไม่ได้ มันไม่ใช่พรสวรรค์หรือพรแสวง

    จะเห็นได้ว่าวิปัสสนูปกิเลสมันนำใครหลายคนไปสู่ความเมามายในศิลปะเพราะขาดสติสัมปชัญญะ ในขณะที่พระอริยบุคคลรู้ตัวทั่วพร้อมมีสัมมาสติจึงไม่เกิดวิปัสสนูปกิเลส

    ผลงานศิลปะ บทเพลง ดนตรี บทกวี นิยาย ละคร ภาพยนตร์ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็น Arouse emotion หรือ Express emotion มันอุปมาเหมือนยาเสพติดต่างชนิดกันที่ออกฤทธิ์คนละอย่าง ระดับความเมามายก็มีดีกรีไม่เท่ากัน ผู้เสพและผู้สร้างแต่ละกลุ่มต่างดื่มด่ำจมลึกลืมโลกไปคนละแบบ

    บทเพลงร็อคที่บรรยายเรื่องซาตานหรือบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ต่างก็อาศัยความเชื่อว่ามีวิญญาณหลังความตายไปนรกไปสวรรค์ หากศิลปินรู้ได้ว่าจิตหรือวิญญาณเกิดดับตลอดเวลาคือ mind ไม่ใช่ Spirit ย่อมใช้ Art และ Intuition เพื่อสร้างผลงานที่ปราศจากความเชื่อทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็น Arouse emotion หรือ Express emotion ของศิลปะทุกแขนงย่อมไม่ใส่ความเชื่อลงไป ผลงานจึงมีความงาม มีความดี มีความจริงอันมาจากปัญญาลึกล้ำของศิลปิน

    ปรัชญาดนตรีหรือศิลปะจะต้องพ้นจากความเชื่ออันงมงาย ผลงานอันเป็นตัวตนของตัวเองจึงแสดงออกมาได้อย่างอิสระ สะท้อนความเป็นปุถุชนหรือปัญญาชนให้ผู้เสพได้เข้าถึง ความหยาบความละเอียดให้ความสูงส่งเท่ากัน เพียงผู้สร้างและผู้เสพมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ดื่มด่ำกับมันโดยไม่ได้ตีความจากความรู้หรือค่านิยมใดๆ

    By เสพศิลป์ สุขธรรม

    ตอบลบ
  4. ปรีชาญาณ ผ่านความคิด ติดความรู้
    ฟังกูรู ไม่ดูเอง ไม่เก่งจริง
    คำนวณนึก ตรึกตรรกะ ละทุกสิ่ง
    ไม่อาจนิ่ง ทิ้งตัณหา ฆ่ากิเลส

    ปัญญาญาณ คือการเห็น ความเป็นจริง
    ไม่อ้างอิง สิ่งเหลือเชื่อ เจือความเท็จ
    รู้ด้วยตน เพราะสนใจ ได้สังเกต
    จนสำเร็จ แจ้งเหตุทุกข์ กระตุกใจ

    By ฉันชื่อบุษบา คำนำหน้านาย

    ตอบลบ
  5. intuition ญาณปัญญา นั้นมาเอง
    จิตไม่เพ่ง ไม่เล็งผล จนลำบาก
    พ้นความคิด จิตที่หลง ดำรงมรรค
    ปราศจาก อยากโลภะ เจตนา

    intellect ปัจเจกมี ปรีชาญาณ
    จากการอ่าน จากการเรียน เพียรค้นคว้า
    อย่ายึดติด ความคิดจำ ตามตำรา
    เชื่อสัญญา หาได้เห็น เป็นภาพมัว

    instinct เป็นสัญชาต ญาณดี
    คือการที่ มีสำนึก รู้สึกทั่ว
    จึงรู้ชัด สัมผัสรู้ อยู่กับตัว
    ไม่ใช้หัว เป็นตัวคิด พาจิตล้น

    cognitive processing สามสิ่งรู้
    นำไปสู่ ประตูชัย ได้มรรคผล
    เลือกประเภท ตามเหตุใช้ ดั่งใจตน
    เพื่อหลุดพ้น ไม่ทนทุกข์ ประยุกต์มัน

    By ฉันชื่อบุษบา คำนำหน้านาย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น